แม้ทางครูและโรงเรียนร่วมกัน สคบ. เองจะออกประกาษห้ามขานสินค้าที่อันตรายเหล่านี้ให้กับเด็กๆ แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ยังแอบนำมาขายอยู่เสมอเพราะรายได้ที่สวยงานและการที่จะหลอกล่อเอาเงินจากมือเด็กๆ มันช่างง่ายเสียเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีการลักลอบขายสินค้าอันตรายเหล่านี้อยู่
โดยมีทั้งร้านค้าประจำ หรือร้านแบบรถเคลื่นที่ ที่จะมาจอดขายทุกวันหลังเลิกเรียน ดังนั้นหน่อยงานที่เกี่ยวข้องควรเอาจริงเอาจังกับการปราบพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ และควรลงโทษให้เข็ดหลาย
สำหรับของเล่นเด็กที่ขายกันตามบริเวณหน้าโรงเรียนในปัจจุบันกว่า 90 % มีคุณภาพต่ำ และราคาไม่แพงเพื่อต้องการสร้างแรงจูงใจให้เด็กหาซื้อได้ สินค้าราคาถูกคุณภาพก็ไม่ดีเหล่านี้ทำขึ้นจากองค์ประกอบของวันสดุไม่ได้มาตรฐาน สีที่ใช้มีเป็นสารเคมีอันตราย ไม่มีความคงทน และในบางครั้งเป็นของเล่นที่รุ่นแรงอันตรายมาก และขาดการแนะนำในการเล่น ของเล่นด้อยคุณภาพเหล่านี้ อาจทำสร้างอันตรายกับเด็กๆที่นำไปเล่นโดยไม่รู้
ในส่วนของเด็กๆ นั้น เมื่อเห็นของเล่นแปลกๆ ใหม่ๆ ก็จะเกิดความอยากรู้อยากลอง โดยไม่ได้คิดถึงหรือคำนึงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่นึกถึงแค่ความสนุกเท่านั้น จึงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องช่วยสังเคราะห์ สอดส่อง คัดเลือกว่าสิ่งไหนเหมาะสม ควรเล่นหรือไม่ควรเล่น รวมถึงควรจะต้องมีการกำกับดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสินค้า การนำมาขาย ให้มีเหมาะสมกับวัยและความปลอดภัยมากที่สุด
มีของเล่นหลายอย่างที่ผู้ปกครองควรให้ข้อมูลกับเด็กๆ ลูกหลานว่าไม่ควรเล่น และควรรู้ถึงอันตรายของมันว่าจะสร้างความเสียหายหรือเป็นอันตรายกับเด็กๆ ลูกหลานของเราอย่างไรบ้าง เลยของนำข้อมูลของเล่นที่ไม่ควรให้เด็กเล่นมาเล่าให้ฟัง เริมกันเลยนะ
1. "ของเล่นชอร์ตไฟฟ้า"
เป็นลักษณะแท่งพลาสติกคล้ายปากกา หรือแท่งหมากฝรั่ง เมื่อนำมาจี้ตามลำตัว ทำให้เจ็บคล้ายไฟดูด ถ้านำมามัดรวมกันแล้วกด จะทำให้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า อาจจะทำให้สลบหรือเสียชีวิตได้
2. "สไลม์" หรือ "น้ำลายเอเลียน"
วัตถุคล้ายเยลลีเหลว มีสีสันสวยงาม ซึ่งแท้จริงแล้วผลิตออกมามีวัตถุประสงค์ไว้ดูดละอองฝุ่นตามซอกคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถยืดหยุ่นได้ ทำให้กลุ่มเด็กๆ นำไปใช้เป็นของเล่น โดยสไลม์ที่ซื้อตามหน้าโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้เป็นของเล่นได้ เนื่องจากตรวจพบว่าภายในสไลม์มีสารบอแรกซ์ สารหนู และสารโลหะหนัก อย่างตะกั่วผสมอยู่ด้วย แม้ว่ามีปริมาณน้อย แต่หากสัมผัสเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ และหากได้รับสารเคมีปริมาณมากอาจส่งผลต่อตับ ไต สมอง ซึ่งทำให้เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ และในส่วนของสารบอแรกซ์นั้นอาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
3. "เบบี้คริสตัล" หรือ "ตัวดูดน้ำ"
มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กขนาดเท่าหัวไม้ขีด มี 7 สี บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ไม่มีวิธีการเล่นกำกับและไม่มี มอก.รับรองมาตรฐาน ลักษณะเป็นเม็ดกลม สีสวย คล้ายลูกอม ดูน่ากิน เมื่อนำไปแช่น้ำก็จะพองตัวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อนำไปแช่ในน้ำย่อยเทียม (ที่มีสภาพเช่นเดียวกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของมนุษย์) เป็นเวลา 24 ชั่วโมง จะขยายตัวประมาณ 26 เท่า ไม่มีการย่อยสลายและใช้มือบีบไม่แตก ดังนั้น ถ้ามีการกลืนเม็ดเบบี้คริสตัลเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบการย่อยและการขับถ่าย ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก เพราะเม็ดเบบี้คริสตัลอาจจะไปอุดทางเดินหายใจเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือถึงแก่ชีวิตได้
4. “ลูกอมปีศาจ”
ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสีสันน่ากิน และยังสามารถเปลี่ยนให้ปากกับลิ้นกลายเป็นสีของลูกอมนั้นๆ ด้วย เด็กนักเรียนจึงชอบ แต่สีสันที่เห็นนั้นมาจากสีที่ใช้ย้อมผ้า ซึ่งเคยมีการพบผู้ป่วยจากการอมลูกอมปีศาจ และต่อมาได้ตรวจสอบพบสารตะกั่ว สารหนูและส่วนผสมของสีย้อมผ้า โดยสารเหล่านี้จะไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ขัดขวางการดูดซึมอาหาร เกิดอาการท้องเสีย และนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
เท่าที่ผ่านมาอันตรายที่มาจากของเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานหน้าโรงเรียน ส่วนใหญ่จะถูกพูดถึงอยู่เพียงชั่วขณะ ในเวลาที่มันเกิดเรื่อง หรือมีคนใกล้ตัวเจอเท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นที่ผู้ปกครองและทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรลงพื้นที่ตรวจสอบและคอยสอดส่องดูแลดูแลร้านค้าที่ทำผิดอยู่เสมอ ขณะเดียวกันผู้ปกครองและคุณครูก็ต้องให้ความรู้และสอนเด็กๆ ให้รู้จักของเล่นมหาภัยเหล่านี้ด้วย
การร่วมมือกันอย่างจริงจังเท่านั้นที่จะช่วยหยุดยั้งภัยของเล่นอันตรายเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน.