จริงแล้วกัญชาในสมัยโบราณหมอพื้นบ้านใช้ในการักษาอยู่แล้ว แต่คนทั่วไปมักเข้าใจว่ากัญชาเป็นยาเสพติด การใช้กัญชาหากใช้อย่างถูกวิธีก็จะเป็นยารักษาที่ดีเลยทีเดียว และปัจจุบันก็มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้กัญชาในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งก็ได้ผลออกมาเป้นที่หน้าพอใจ อย่างเช่น
กัญชารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมีงานวิจัยออกมามากว่า 100 ผลงาน ที่บ้านเรา แต่ยังติดเรื่องกฎหมายที่ให้กัญชาเป็นยาเสพติดอยู่ จึงไม่สามารถนำออกทำการรักษาได้ หรือนี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ทางภาครัฐเองจะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้กัญชาสามารถนำมารักษาได้จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ทางการแพทย์บ้านเรา
อีกข่างเรื่องของกัญชา ตอนนี้ญี่ปุ่นเขาทำการวิจัยและจำนำไปจดลิขสทธิ์เป็นของชาติญี่ปุ่น ซึ่งในอนาคตหากเป็นเช่นนั้นกัญชาบ้านเราหากต้องใช้มาเป็นส่วนประกอบยาในการรักษาคงเจอปัญหาเรื่องลิขสิทธิ เหมือนกับข้าหอมมะลิที่คนอเมริกาแอบไปจดลิขสิทธฺิเป็นของส่วนตัว ขโมยสิ่งดีของบ้านเราไป ทางภาครัฐบาลไทยบ้านเรา จะทำช้าไปหรือจะทันไหม เพราะกระบวนการถอดกัญชาออกจากยาเสพติดก็กลัวว่าจะช้าไป เดียวญี่ปุ่นคงนำไปจดก่อนเรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่นไป แต่ยังไงก็ตามหากถอดกัญชาออกจากยาเสพติด แล้วทางรัฐเองก็ต้องคำนึงถึงการนำไปใช้ที่ต้องมีการควบคุมอย่างเป็นระบบ รัฐบาลมีแนวคิดถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเป็นยาควบคุมโดยแพทย์ หลังมีงานวิจัยพบว่าสามารถสกัดเป็นยารักษาโรคมะเร็งได้ โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการให้แก้กฎหมายยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ตามที่คณะกรรมการอาหารและยา เสนอ ซึ่งสาระสำคัญเป็นการถอด"กัญชา"ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ที่ห้ามครอบครองมาเป็นยาควบคุมใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาในรายละเอียด เพื่อกำหนดแนวทางการนำมาใช้รักษา
นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือ กัญชาคือยารักษามะเร็ง บอกว่าขณะนี้มีงานวิจัยกว่า 100 ชิ้น เห็นตรงกันว่าส่วนดอกของกัญชา สามารถสกัดออกมาเป็นสาร THC ซึ่งมีคุณสมบัติทำลายเซลล์มะเร็งได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย และ หลายประเทศนำมาใช้แล้วได้ผล เช่น สหรัฐอเมริกา แคนดานา ประเทศในกลุ่มยุโรป รวมถึง กลุ่มลาตินอเมริกา จึงถือเป็นการค้นพบแนวทางใหม่ที่น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ และเพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นายแพทย์สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย เสนอให้นำระบบการขึ้นทะเบียนมาใช้ และต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ประชาชนทั่วไปที่ได้รับอนุญาต สามารถปลูกได้ครัวเรือนละไม่เกิน 6 ต้น และให้ปลูกเฉพาะต้นตัวเมีย ซึ่งไม่สามารถขยายพันธุ์ได้
ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่รัฐเองมองข้ามเรื่องของภูมิปัญญา ของแพทย์แผนโบราณ และยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการรักษา จากการบอกเล่าในหลายจังหวัดที่มีหมอยาในสมัยเก่า มีชาวต่างชาติเข้ามาขอซื้อตำราเก่าๆ เอาไปทำวิจัยละเอาไปจดลิขสิทธิยาไปแล้วหลายอย่าง แต่กระทรวงสาธาระณสุขบ้านเรา ยังเงี่ยบเหมือนเป่าสาก ไม่มีการออกพื่นที่หาภูมิปัญญาเหล่านี้มาเก็บไว้เป็นลิขสิทธิของไทยเราเอง นอกจากคอยเอาผลงานของฝรั่งมาใช้ เป็นที่น่าเป็นห่วงมาก