ไปเจอข้อมูลมานานหลายที่และได้ไปเจอบทบความของอาจารย์ "สุภาวิณี แสงเรือน" ในเว็บไซต์กองสุขศึกษา เห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดีสำหรับเพื่อนที่กำลังคิดจะลดน้ำหนักโดยการกินยา เลยเอามาฝากนะครับ เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และให้ระวังให้มากในการซื้อยาลดน้ำหนัก ยังไงก็ขอให้ลดกันอย่างถูกวิธี และปลอดภัยนะครับ
ที่ผ่านมาเรามักจะได้เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทางโทรทัศน์ว่ามีวัยรุ่นเสียชีวิตจากการกินยาลดความอ้วน ล่าสุดพบนักเรียนหญิงชั้น ม.5 มีอาการแน่นหน้าอกและอาเจียน
อย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุเกิดจากการกินยาลดความอ้วนที่สั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ต พ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู ควรดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน ลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด และบอกกล่าวถึงโทษของการกินยาลดความอ้วนให้เด็กทราบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาลดความอ้วนเหมือนกับข่าวที่ผ่านมา ซึ่งยาลดความอ้วนมีหลายประเภทเมื่อกินเข้าไปแล้วส่งผลต่อสุขภาพดังต่อไปนี้
ยาลดความอ้วนที่มีฤทธิ์ควบคุมความหิว ยาลดความอยากอาหาร เฟนเทอร์มีน (phentermine) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้ไม่รู้สึกหิว ไม่อยากรับประทานอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว มีผลทำให้เกิดอาการติดยาได้ ถูกจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 ต้องมีการควบคุมการซื้อขายไว้สำหรับโรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อจ่ายให้กับผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคอ้วนโดยตรง แต่ให้ใช้ในระยะสั้น ไม่ควรเกิน 3-6 เดือน ซึ่งมักจะมีข่าวการเสียชีวิตจากการรับประทานยาเฟนเทอร์มีนอยู่บ่อยๆ ยาประเภทนี้มีผล แทรกซ้อนต่อร่างกายมากมาย ได้แก่ ทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ใจสั่น ปากแห้ง ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง เหงื่อออก คลื่นไส้ ท้องผูก มองเห็นภาพไม่ชัด มองเห็นสีผิดปกติไปจากเดิม บางรายอาจเกิดภาวะเบื่ออาหารอย่างมาก ทำให้ภูมิต้านทานลดลงจากการขาดสารอาหาร อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ยาลดความอ้วนที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ยากลุ่มนี้จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นยาในกลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมนที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไทรอยด์มาใช้ น้ำหนักที่ลดลงไม่ใช่ไขมันแต่เป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูง และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย มีผลทำให้เพิ่มการทำงานโปรตีนของกล้ามเนื้อ ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
ยาลดความอ้วนที่เป็นยาระบายหรือยาขับปัสสาวะ ทำให้น้ำหนักลดลงมาก เห็นผลเร็ว จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ความจริงแล้วน้ำหนักที่ลดลงไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย ยาประเภทนี้ส่งผลข้างเคียง ได้แก่ ทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่ อาจทำให้ไตมีปัญหาได้ และอาจทำให้มีอาการผิดปกติของหัวใจ สมอง ทำให้หัวใจวายหรือหมดสติได้
ยาลดความอ้วนที่ช่วยให้อิ่มเร็ว เป็นพวกใยอาหาร (ไฟเบอร์) เช่น บุก แมงลัก มักทำให้เกิดอาหารท้องอืด
ยาลดความอ้วนที่เป็นยาลดการดูดซึมไขมัน จะยับยั้งการทำงานของน้ำย่อย ทำหน้าที่ย่อยสลายไขมัน เมื่อไขมันไม่ถูกย่อยก็จะถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และจะถูกขับถ่ายออกไป ยาประเภทนี้มีผลข้างเคียงทำให้ลมในลำไส้มาก ท้องอืด ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำมัน ผายลมมีน้ำมันปนออกมา อุจจาระบ่อย หรือกลั้นอุจจาระไม่อยู่
ยาลดความอ้วนที่เป็นอาหารเสริมที่อ้างว่าสามารถลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก เป็นต้น ซึ่งข้อเสียของไคโตซานจะดูดซับวิตามินที่ละลายในไขมันที่สำคัญอย่าง วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเคไปด้วย ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้อาหารทะเล เพราะเสมือนว่ารับประทานอาหารทะเลเข้าไป เนื่องจากไคโตซานมาจากย่อยสารไคตินที่อยู่ในเปลือกกุ้งและปู เด็ก หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตรไม่ควรรับประทานไคโตซาน ส่วนส้มแขกจะยับยั้งไม่ให้เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสไปเป็นไขมัน แม้จะทำให้รูปร่างเพรียว แต่ไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลง ส้มแขกช่วยลดการเกิดไขมันได้จำกัดค่าหนึ่งเท่านั้น หากรับประทานน้ำตาลมากเกินไป สารสกัดส้มแขกก็ไม่สามารถช่วยได้ สารสกัดส้มแขกมีความ เป็นกรด หากรับประทานมากหรือไม่รับประทานตามจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้ ปวดท้องได้
วิตามินที่ถูกจ่ายควบคู่มาด้วย เนื่องจากผลข้างเคียงของยาต่างๆ ข้างต้นทำให้ไม่รู้หิว กินอาหาร ไม่เพียงพอหรือระบายน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามิน
คนอ้วนที่มีความคิดที่จะไปซื้อยาลดความอ้วนมาทานเอง อาจจะหาซื้อทางอินเทอร์เน็ต ตาม Social ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Face book, Instagram, Line หรือตามร้านขายยาต่างๆ ควรศึกษาข้อมูลถึงผลดีผลเสียของยาลดความอ้วนให้ดี ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ ทานยาลดความอ้วนตามที่แพทย์แนะนำดีที่สุด ส่วนคนที่มีรูปร่างอวบๆ ยังไม่ถึงขั้นอ้วนก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยการทานผัก ผลไม้ที่ไม่หวานเยอะขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ทานมากเกิน เท่านี้ก็จะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน แถมยังไม่มีความเสี่ยงที่เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย เพราะขึ้นชื่อว่ายาล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อร่างกายทั้งสิ้น
ขอบคุณข้อมูลดี๊ดีจากกรมสุขศึกษา www.hed.go.th
ที่ผ่านมาเรามักจะได้เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทางโทรทัศน์ว่ามีวัยรุ่นเสียชีวิตจากการกินยาลดความอ้วน ล่าสุดพบนักเรียนหญิงชั้น ม.5 มีอาการแน่นหน้าอกและอาเจียน
อย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สาเหตุเกิดจากการกินยาลดความอ้วนที่สั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ต พ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู ควรดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน ลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด และบอกกล่าวถึงโทษของการกินยาลดความอ้วนให้เด็กทราบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาลดความอ้วนเหมือนกับข่าวที่ผ่านมา ซึ่งยาลดความอ้วนมีหลายประเภทเมื่อกินเข้าไปแล้วส่งผลต่อสุขภาพดังต่อไปนี้
ยาลดความอ้วนที่มีฤทธิ์ควบคุมความหิว ยาลดความอยากอาหาร เฟนเทอร์มีน (phentermine) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้ไม่รู้สึกหิว ไม่อยากรับประทานอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว มีผลทำให้เกิดอาการติดยาได้ ถูกจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 ต้องมีการควบคุมการซื้อขายไว้สำหรับโรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อจ่ายให้กับผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคอ้วนโดยตรง แต่ให้ใช้ในระยะสั้น ไม่ควรเกิน 3-6 เดือน ซึ่งมักจะมีข่าวการเสียชีวิตจากการรับประทานยาเฟนเทอร์มีนอยู่บ่อยๆ ยาประเภทนี้มีผล แทรกซ้อนต่อร่างกายมากมาย ได้แก่ ทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ใจสั่น ปากแห้ง ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง เหงื่อออก คลื่นไส้ ท้องผูก มองเห็นภาพไม่ชัด มองเห็นสีผิดปกติไปจากเดิม บางรายอาจเกิดภาวะเบื่ออาหารอย่างมาก ทำให้ภูมิต้านทานลดลงจากการขาดสารอาหาร อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ยาลดความอ้วนที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ยากลุ่มนี้จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นยาในกลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมนที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไทรอยด์มาใช้ น้ำหนักที่ลดลงไม่ใช่ไขมันแต่เป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูง และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย มีผลทำให้เพิ่มการทำงานโปรตีนของกล้ามเนื้อ ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
ยาลดความอ้วนที่เป็นยาระบายหรือยาขับปัสสาวะ ทำให้น้ำหนักลดลงมาก เห็นผลเร็ว จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ความจริงแล้วน้ำหนักที่ลดลงไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย ยาประเภทนี้ส่งผลข้างเคียง ได้แก่ ทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่ อาจทำให้ไตมีปัญหาได้ และอาจทำให้มีอาการผิดปกติของหัวใจ สมอง ทำให้หัวใจวายหรือหมดสติได้
ยาลดความอ้วนที่ช่วยให้อิ่มเร็ว เป็นพวกใยอาหาร (ไฟเบอร์) เช่น บุก แมงลัก มักทำให้เกิดอาหารท้องอืด
ยาลดความอ้วนที่เป็นยาลดการดูดซึมไขมัน จะยับยั้งการทำงานของน้ำย่อย ทำหน้าที่ย่อยสลายไขมัน เมื่อไขมันไม่ถูกย่อยก็จะถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และจะถูกขับถ่ายออกไป ยาประเภทนี้มีผลข้างเคียงทำให้ลมในลำไส้มาก ท้องอืด ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำมัน ผายลมมีน้ำมันปนออกมา อุจจาระบ่อย หรือกลั้นอุจจาระไม่อยู่
ยาลดความอ้วนที่เป็นอาหารเสริมที่อ้างว่าสามารถลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก เป็นต้น ซึ่งข้อเสียของไคโตซานจะดูดซับวิตามินที่ละลายในไขมันที่สำคัญอย่าง วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเคไปด้วย ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้อาหารทะเล เพราะเสมือนว่ารับประทานอาหารทะเลเข้าไป เนื่องจากไคโตซานมาจากย่อยสารไคตินที่อยู่ในเปลือกกุ้งและปู เด็ก หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตรไม่ควรรับประทานไคโตซาน ส่วนส้มแขกจะยับยั้งไม่ให้เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสไปเป็นไขมัน แม้จะทำให้รูปร่างเพรียว แต่ไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลง ส้มแขกช่วยลดการเกิดไขมันได้จำกัดค่าหนึ่งเท่านั้น หากรับประทานน้ำตาลมากเกินไป สารสกัดส้มแขกก็ไม่สามารถช่วยได้ สารสกัดส้มแขกมีความ เป็นกรด หากรับประทานมากหรือไม่รับประทานตามจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้ ปวดท้องได้
วิตามินที่ถูกจ่ายควบคู่มาด้วย เนื่องจากผลข้างเคียงของยาต่างๆ ข้างต้นทำให้ไม่รู้หิว กินอาหาร ไม่เพียงพอหรือระบายน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามิน
คนอ้วนที่มีความคิดที่จะไปซื้อยาลดความอ้วนมาทานเอง อาจจะหาซื้อทางอินเทอร์เน็ต ตาม Social ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Face book, Instagram, Line หรือตามร้านขายยาต่างๆ ควรศึกษาข้อมูลถึงผลดีผลเสียของยาลดความอ้วนให้ดี ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ ทานยาลดความอ้วนตามที่แพทย์แนะนำดีที่สุด ส่วนคนที่มีรูปร่างอวบๆ ยังไม่ถึงขั้นอ้วนก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยการทานผัก ผลไม้ที่ไม่หวานเยอะขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ทานมากเกิน เท่านี้ก็จะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน แถมยังไม่มีความเสี่ยงที่เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย เพราะขึ้นชื่อว่ายาล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อร่างกายทั้งสิ้น
ขอบคุณข้อมูลดี๊ดีจากกรมสุขศึกษา www.hed.go.th